วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

ปักหมุดบุโรพุธโธ

พักนี้ตาแก่เมืองรถม้าอ่านหนังสือเยอะหน่อยนะ มันไปไหนไม่ได้ครับ!...

 

นอกจากอีบุ๊คส์ใน Amazon แล้วยังซื้อหนังสือมือสองที่มีขายออนไลน์เป็นเล่ม ๆ ในราคาถูกมาอ่านด้วย อย่างเช่น...

 
อยากหาจุดเริ่มต้นเดินทางของตัวเอง ก็ต้องสั่งซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่าน มีเรื่องเกี่ยวกับบุโรพุทโธด้วย วิกิพีเดีย กล่าวว่า...
บุโรพุธโธ หรือ โบโรบูดูร์ (อินโดนีเซีย: Borobudur) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศอินโดนีเซีย บริเวณภาคกลางของเกาะชวา ตั้งอยู่ที่เมืองมาเกอลัง ห่างจากยกยาการ์ตาไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว ๔๐ กิโลเมตร สร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ. ๑๒๙๓-๑๓๙๓ เป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธนิกายมหายาน ในปี พ.ศ. ๒๕๓๔ ยูเนสโกได้ประกาศให้เป็นแหล่งมรดกโลก ซึ่งถ้าไม่นับนครวัดในประเทศกัมพูชาซึ่งเป็นทั้งศาสนสถานของศาสนาฮินดูและศาสนาพุทธ บุโรพุธโธจะเป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธที่ใหญ่ที่สุดในโลก
โบโรบูดูร์ - ภาพจากวิกิพีเดีย (ขอขอบคุณ)

ผมยังไม่มีโอกาสได้เห็นบุโรพุธโธ แต่ก็ปักหมุดไว้แล้วว่าการเดินทางครั้งสุดท้ายจะต้องไปเยือนให้ได้ อยากเห็นบรรยากาศเหนือจินตนาการอย่างที่หนังสือ "Between the lines of the rainbow" (ระหว่างเส้นรุ้งที่ยังตะแคง และเส้นแวงที่ยังตั้งฉาก  เขียนไว้ในหน้า ๔๐-๔๑ หัวข้อเรื่อง "อาทิตย์ชิดจันทร์ หนึ่งวันในบุโรพุธโธ" ว่าดังนี้...
พระจันทร์ค่อย ๆ กลืนหายจมไปในหมู่เมฆ แล้วจางลงไปในฟ้า ทันทีที่แสงชมพูแต้มเติมโลก และค่อย ๆ เพิ่มความสดเป็นสีแดง ไหลย้อนช้อนขึ้นมาจากพื้นดินข้างล่าง สู่ท้องฟ้าข้างบน ค่อย ๆ ทาบผ่าน ภูเขาไฟที่กำลังพ่นควันออกมาเป็นเครื่องหมายคำถาม จังหวะเดียวกันกับเสียงอุทานแสดงความตื่นเต้น หลายภาษาของนักสบตาพระอาทิตย์ ที่ตามขึ้นมาทีหลัง ก็ดังขึ้น...
ผมอยากสาธยายได้งดงามล้ำลึกอย่างที่ได้อ่าน แต่พอดีไม่มีศิลปะในการเขียน ในบล็อกท่องโลกของผมก็เลยว่ากันง่าย ๆ สไตล์ลุงน้ำชา อย่างเช่นเรื่องการปั่นจักรยานฝ่าความมืดไปนครวัด ว่าดังนี้...
ขี่จักรยานไปตามถนน อากาศเย็น มืด ถ้าไม่มีไฟฉายคุณบิมคงปั่นไม่ได้ - เชือกผูกรองเท้าข้างซ้ายเข้าไปพันกับบันได...รถเกือบล้ม - จอดเพื่อปลดเชือกออก -  ตุ๊ก ๆ มาจอดข้างหลังเพื่อให้ความช่วยเหลือ - บอกไม่เป็นไร - ผูกเชือกแล้วปั่นต่อ - ถึงที่ทำบัตรเลี้ยวรถเข้าไป - มีคนทักทาง good morning ๒-๓ คน ได้เวลาจำหน่ายบัตรพอดี (๕.๐๕ น.) - จอดจักรยานไว้ด้านหลัง - เข้ายืนต่อคิว - เตรียมแบ้งค์ $50 ไว้ - ค่อย ๆ ตามเข้าไป - เจ้าหน้าที่บอกให้ยืนหันไปทางขวาเพื่อถ่ายรูป - จ่ายเงินได้ตังค์ทอน $30 - เดินออกมาแล้วถึงนึกได้ว่ายังไม่ได้รับบัตร - ต้องกลับไปเอา...
 

ได้บัตรแล้ว... ผมก็เดินกลับมาที่จักรยาน  เจ้าหน้าที่ขอเช็คบัตรก่อนให้ปั่นออกไป มันมืดมาก...เค้าต้องใช้ไฟฉายส่องดู  โอเค!  ผมเดินทางต่อไปตามถนนมืดมิด โดยใช้ไฟฉายทั้งส่องทางข้างหน้าและใช้ส่งสัญญาณด้านหลัง ระหว่างทางมีรถตุ๊ก ๆ พานักท่องเที่ยวฝรั่งแซงผ่านไปหลายคัน ทุกคนมุ่งหน้าไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่นครวัด ผมออกแรงปั่นไปอีกประมาณ ๒ กิโลเมตรก็เห็นคูน้ำอยู่ข้างหน้า เลี้ยวซ้ายแล้วปั่นต่ออีก ๘๐๐ เมตร เลี้ยวขวาตรงไปยังทางเข้านครวัด ผมปั่นจักรยานมาคนเดียวท่ามกลางความมืด ไม่มีใครบอกทาง จึงต้องหาคำตอบเอาข้างหน้าด้วยตนเอง! ต่างกับผู้ที่มาด้วยตุ๊ก ๆ
สิ่งหนึ่งซึ่งไม่ได้สำรวจไว้ก่อนคือที่จอดจักรยาน นำจักรยานไปที่ข้างบูธแห่งหนึ่ง ด้านหลังมีสนามหญ้า...ผมจับมันนอนพิงแล้วคล้องโซ่ล็อคไว้กับเสา เรียบร้อยแล้วก็เดินหาทางเข้า ความมืดทำให้ผมมองไม่รู้ทิศรู้ทาง ต้องดูว่านักท่องเที่ยวชุมนุมอยู่ตรงไหนแล้วตามเค้าไป

หากไม่มีวิบัติภัยแลไร้โควิด อีก ๓ ปีเจอกันที่บุโรพุธโธนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คิดถึงพี่ดำรง สุ่นกุล

ผ มเพิ่งโพสต์เรื่อง "จากสามเหลือหนึ่ง" ลง บล็อก countdown ได้ไม่นาน... หลายต่อหลายคน จากผมไปแล้ว วันนี้เจอกระดาษซึ่งพี่ " ดำ...