วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

คิดถึงสุเทพ วงศ์กำแหง

บล็อก countdown ของผมถึงอย่างไรก็คงไม่พ้นเรื่องของสัจธรรมแห่งชีวิต เกิด แก่ เจ็บ ตาย ในเมื่อความตายเป็นธรรมดา คนเราหนีความตายไม่พ้น


สุเทพ วงศ์กำแหง เป็นศิลปินนักร้องเพลงไทยสากลที่มีผลงานดีเด่นทั้งในและนอกประเทศเป็นเวลาต่อเนื่องกันมากว่า ๔๐ ปี มีผลงานขับร้องที่ประจักษ์ชัดเจนในความสามารถอันสูงส่ง ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล – ขับร้อง) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๓๓ 

ภาพจากวิกิพีเดีย - ขอขอบคุณ

ผมเคยพบคุณสุเทพ วงศ์กำแหง ตัวจริงเสียงจริง เมื่อปี ๒๕๑๓ หรือ ๒๕๑๔ นี่แหละ คือเมื่อ ๕๐ ปีที่แล้ว  เกิดเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗...นักร้องเสียงขยี้แพรบนฟองเบียร์ ที่ผมเห็นในวันนั้นคงมีอายุ ๓๐ กว่า ๆ (ในภาพยังดูหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยว)
 

ผมไปเล่นออร์แกนในงานแต่งงานที่ไหนจำไม่ได้แล้ว ในภาพมีติ๋วเล่นกีต้าร์ อนุพันธ์เล่นเบส ชนะตีกลอง อีกคนหนึ่งจำชื่อไม่ได้เล่นแอ็คคอร์เดียน  คุณสุเทพซึ่งมาร่วมในงานแต่งงาน อยู่ ๆ ก็ขึ้นเวทีมาบอกว่า "ไอ้น้อง คีย์ C  จังหวะวอลซ์ เล่นไป..."  แล้วท่านก็ร้องเพลง "รักคุณเข้าแล้ว" ่ ตามด้วยเพลงอะไรอีกที่ไม่รู้จัก ไม่ต้องมีอินโทร์หรือโซโล ร้องไปจนจบ...


ได้รับทราบว่าท่านได้เสียชีวิตแล้วเมื่อต้นปีนี้ (๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓) ขณะที่อายุได้ ๘๕ ปี ศิลปินผู้นี้ได้ทิ้งผลงานดีเด่นไว้ให้ประเทศไทยอย่างมากมาย ผมขอคารวะและแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง 
พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี  นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรี สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา*
---------------------------------------------------------------------

*คำฉันท์ กฤษณาสอนน้อง (อินทรวิเชียรฉันท์)

คิดถึงพี่อุดม


เมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๓ ผมเขียนไว้ในหัวข้อ “What a wonderful night!” ว่า...
After having a big meal in the beautiful wooden house of archan Prasit, the owner of Raiya Resort in Lampang, they moved to the open and sat near the campfire to enjoy chatting and drinking while being hugged by the bright moonlight and kissed by a puff of cold wind.  Yes, they are the same age.   “Old” is a suitable word that I dare say!   Khun Udom, the Director of Special Education Center in Maehongson, is sitting in the middle……”

หลังจากนั้นก็ได้เขียนถึงพี่อุดมอีกในหัวข้อ “Travellers never stop dreaming" ว่า...
ผมได้พบกับพี่อุดมเพียงครั้งเดียวที่ไร่หญ้ารีสอร์ท จากการได้คุยกับชายซึ่งกำลังจะปลดเกษียณและมีโครงการที่จะใช้ชีวิตท่อง เที่ยวผจญภัยในมหาวิทยาลัยชีวิต (ตามคำกล่าวของพี่อุดม) ทำให้ผมได้สัมผัสในความรักและไมตรีจิตจากพี่อุดม เรามีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกัน แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าเพียงแค่พบกันเพียงคืนเดียว ความรู้สึกผูกพันระหว่างผมกับพี่อุดมนั้นแนบแน่นคล้ายกับรู้จักกันมานานปี  เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว พี่อุดมได้โอนเงินจำนวน ๕ พันบาทเข้าบัญชีผมเพื่อสนับสนุนการแบกเป้ท่องเที่ยวไปลาว
ช่วงเดือนตุลาคม ผมพยายามติดต่อพี่ชายที่แสนดีทางอีเมล์และหวังว่าเมื่อได้พบกันอีกครั้ง ผมตั้งใจจะนำเงินจำนวน ๕ พันบาทนั้นคืนให้พี่อุดม ทั้ง ๆ ที่พี่อุดมบอกว่าให้แล้วให้เลย
ไม่ได้ข่าวคราวพี่อุดมนานแล้ว อยากรู้เหลือเกินว่าขณะนี้พี่อุดมกำลังทำอะไรอยู่?  เวลาของการนับถอยหลัง (countdown) มาถึงแล้ว ผมคงต้องรีบค้นหาพี่อุดมให้เจอก่อนที่จะหมดโอกาส

คิดถึง อจ.ฐาปนพงศ์ รัตนชมพู

กลับไปเปิดอ่านในบล็อก wichai's space เจอที่ผมเขียนไว้เมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๓ ว่า "ผมคิดอะไรเมื่อสิบปีที่แล้ว" 


จาก ๑๐ ปีที่แล้ว (๒๕๕๓) มาถึงวันนี้ ๒๕๖๓ ต้องบวกอีก ๑๐ ปี กลายเป็น ๒๐ ปี  หุหุ ผมเกือบไม่เชื่่อว่าตัวเองเคยเขียนไว้ว่า...
ช่างเป็นการบังเอิญเหลือเกินที่ผมเห็นเศษกระดาษชิ้นหนึ่งตกอยู่ที่พื้นใกล้ ๆ กับกองสัมภารกซึ่งอยู่ใต้โต๊ะแล้วหยิบขึ้นดู…
มันเป็นข้อความที่ผมเขียนไว้เมื่อปลายปี ค.ศ. 1999 แล้วสั่งพิมพ์ลงบนกระดาษแบบต่อเนื่องด้วยเครื่องพิมพ์ประเภท dot matrix ซึ่งผมจำไม่ได้แล้วว่าเป็นเครื่องไหน (เคยมีเครื่องพิมพ์ใช้มากมายหลายตัวเหลือเกิน)  พี่จันทร์สมเคยบอกว่าผมเป็นคนบ้าสมบัติ ฮา เห็นจะจริง  ทั้งเครื่องพิมพ์ดีด (typewriter) และเครื่องพิมพ์ (printer) ผมคิดว่ารวมแล้วมันน่าจะเกือบยี่สิบตัวเห็นจะได้  หมดเงินไปหลายหมื่นแล้วจ้า
ข้อความที่ปรากฏบนกระดาษชิ้นดังกล่าวมีเพียงแค่ ๗-๘ บรรทัดเพราะส่วนที่มีต่อนั้นพิมพ์ไม่ติด น่าเสียดายที่มันบอกไม่ได้ทั้งหมดว่าตอนนั้นผมคิดอะไรอยู่ เท่าที่อ่านได้มีแต่เพียงว่า…
When I start counting down
ใกล้ปี ค.ศ. 2000… มีคนบอกว่าโลกกำลังจะแตก สงครามกำลังจะเกิด และอื่น ๆ อีกมากมาย ถ้าอย่างงั้นก็ไม่ต้องทำอะไรเลยดีไหมล่ะ ขอนอนรอความตายลูกเดียว? คิดถึงคุณชวลิตกับคุณเพ็ญประภา เขาเพิ่งจะเริ่มงานที่บ้านใหม่ที่ซื้อไปจากเราได้แค่ 8 เดือนเอง แล้วจะทำอย่างไรกับหนี้สินที่ทำไว้กับทางธนาคารทหารไทย หรือรอให้น้ำแข็งละลายกลายเป็นน้ำท่วมโลกเสียก่อน เอกสารทั้งสัญญากู้และโฉนดอาจจะถูกเผาและถูกทำลายไปสิ้น คิดอย่างนั้นก็ไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว  ตึก HW ที่เราซื้อไว้ล่ะ มันจะต้องฟังไป ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ใช้งานเลยหรือนี่…”
“เอกสารชิ้นนี้บอกอะไรผมบ้าง?”   มันแสดงให้เห็นว่าเวลานั้นผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน เผลอแป๊ปเดียวก็ครบหนึ่งทศวรรษ!  แปลกจังที่เมื่อสิบปีก่อน ผมก็เริ่มคิดถึงชีวิตที่ก้าวเดินสู่ความตายแล้ว คงเป็นเพราะการจากไปของแม่ปราณี และชีวิตที่มองไม่เห็นหนทางเดินที่ชัดเจนของผมในช่วงนั้นด้วยกระมัง...
ภาพที่ผมนำมาโพสต์ประกอบคือภาพดอกไม้จันทน์ ถ่ายที่สุสานไตรลักษณ์ ประตูม้า อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เมื่อผมไปร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพอาจารย์ฐาปนพงศ์ รัตนชมพู  อาจารย์สาขาวิชาดนตรี คณะมนุษยศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ในวันที่ ๒๒ พฤษภาคม  ๒๕๕๓



ทำให้ผมต้องกลับไปค้นหาไฟล์รูปเก่าซึ่งถ่ายด้วยกล้อง Olympus (มิว 20) เมื่อ ๒ ทศวรรษที่แล้ว...


ได้ภาพมาอีก ๓ บานดังนี้...





อาจารย์ฐาปนพงศ์จากพวกเราไปแล้วตั้ง ๒๐ ปีเชียวหรือนี่? 

วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

countdown for an unreachable trip


เพิ่งเขียนลงใน facebook ของผม ว่า...
รองศาสตราจารย์ สังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมลํ้า ได้ชี้ว่าคนไทยกำลังเผชิญกับความมืดมิด มองอนาคตตัวเองไม่ออก 'นรก' ขุมที่ลึกมากเกิดแน่!
มองไม่เห็นอนาคตตัวเองมานานแล้ว...นั่งคิด ๆ ดู ถ้าหากผมยังคงต้องเล่นเปียโนหากินในโรงแรมหรือเล่นอีเล็คโทนในห้องอาหารอย่างที่เคยประกอบอาชีพทำมาหากินในอดีต วันนี้ตาแก่เมืองรถม้าคนนี้คงต้องเผชิญกับภาวะตกงานเป็นแน่นอน โชคดีที่มาถึงจุดนี้แล้ว...ผมไม่มีอะไรหวังอีก ขอเวลาอีกนิดเดียวสำหรับการอัพเกรดเจ้ายักษ์และเตรียมห้องพยาบาล (healing room) ซึ่งจะต้องทำให้เสร็จด้วยงบประมาณอีกเล็กน้อย ก่อนที่จะ "ขาบอยู่"  อย่างแท้จริง!
หลายคนตัดช่องน้อยแต่พอตัวอำลาโลกไปแล้ว ไม่น่าเชื่อจริง ๆ สำหรับแต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยุคนี้ ผมไม่จำเป็นต้องนำภาพข่าวในแต่ละมุมโลกมาให้ดู เพราะเชื่อว่าเพื่อน ๆ คงได้เห็นและติดตามมาโดยตลอด หลายคนอาจยังไม่ตระหนักถึงวิกฤตที่จะเกิดขึ้น บางคนสายป่านยังยาว บ้างก็จมไม่ลง ครั้นถึงจุดที่เลวร้ายที่สุด บางครั้งเงินจำนวนมากมายอาจช่วยอะไรไม่ได้ นอกจากสติและการเตรียมตัวที่ดีเท่านั้น
พยายามจะไม่นำลิงค์มาโพสต์ใน facebook อีก หากเพื่อน ๆ ที่ยังไม่เบื่อ ก็เจอกันในแต่ละบล็อกของผมนะครับ...
ผมชอบใจที่ Yongyuth Unchiti  เพื่อนมงฟอร์ตแสดงความคิดเห็นว่า "เตรียมเจ้ายักษ์ไว้สำหรับทริปที่ไม่มีวี่แววว่าจะมาถึง? ผมเองก็เตรียมไว้สองสามคัน...แต่คงไม่มีวันได้ on tour"   อืมม...จริง ๆ ด้วย เจ้า final trip ซึ่งไม่มีวี่แววว่าจะมาถึง (unreachable trip) อย่างที่เพื่อนโย่งของผมกล่าวถึง จึงเป็นแค่ความฝัน แต่ก็เป็นความฝันซึ่งนำมาซึ่งความสุขใจ

ดีใจที่ได้อัพเกรดเจ้ายักษ์ ผมได้ลงมือซ่อม ติดตั้งอะไหล่ และปรับแต่ง ทำให้ได้เรียนรู้เรื่องจักรยานเพิ่มขึ้นจากแค่เพียงใช้งานอย่างเดียว...




ถึงอย่างไรผมก็ยังคงนับถอยหลัง สู่ความฝันเรื่อง final trip ต่อไป!

คิดถึงหมอหนุ่ย

ต าแก่เมืองรถม้าได้เห็นรูปที่เพื่อนมงฟอร์ตไปพบปะกันทุกวันอาทิตย์ที่ร้านกาแฟของเสี่ยใหญ่ (คนนั่งกลาง) ด้วยความยินดี...  ภาพจาก facebook เพ...