
แทบทุกคืน หลังสามทุ่มผมจะพยายามข่มตาหลับให้ได้ แต่มักจะตื่นขึ้นมากลางดึกตอนตี 2 ตี 3 พร้อมกับความฝันซึ่งจำได้บ้างไม่ได้บ้าง! ก็ได้แต่นอนพิจารณาลมหายใจเข้าออกและใคร่ครวญถึงความตาย
บรรดาญาติมิตร ครูบาอาจารย์ และผู้ที่รู้จักได้จากไปแล้วจนมิอาจนับจำนวน...เหลือแต่ความว่างเปล่าและโดดเดี่ยวให้กับตาแก่บ้านห้างฉัตร
ชีวิตทุกวันนี้เปรียบเหมือนจักรยานที่วิ่งไปตามเส้นทางปกคลุมด้วยหมอกหนาซึ่งแต่ก่อนล้อเคยหมุนเร็วจี๋ วิ่งผ่านธรรมชาติงดงามแม้จะต้องฝ่าพายุฝนเป็นครั้งคราว ถึงวันนี้กลับช้าลงจนแทบจะหยุดหมุน ณ จุดใดจุดหนึ่งซึ่งมิอาจคาดเดา...
ผมเคยทำมาหลายอย่าง ตั้งแต่เทกระโถน ใส่แพมเพริส ล้วงก้น ป้อนอาหารทางสายยาง
ฯลฯ สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยอมอยู่ในสภาพผู้ป่วยติดเตียงนอนใส่ท่อและสายระโยงระยาง งานที่เคยทำให้ผู้อื่น...ผมจะไม่ยอมให้ใครต้องลำบากทำกับผมเป็นอันขาด
![]() |
ภาพจาก pixabay.com - ขอขอบคุณ |
อยู่มาจนชีวิตบั้นปลาย ทุกวันนี้ผมไม่สามารถบริจาคโลหิตได้อีก ไม่มีความรู้สมัยใหม่ที่จะให้ ไม่มีเงินทองช่วยใคร คิดว่าที่ผ่านมาได้ทำดีที่สุดเท่าที่ศักยภาพพึงมี ทุกอย่างเป็นแค่ภาพเก่าในอดีต...
วันนี้ค้นเจอจดหมายจากเพื่อนชาวนิวซีแลนด์ เขียนถึงผมเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2544 Grahm บอกผมว่า "If you wanted to come to NZ, I couldn't pay for your airfare, but I could definately give you a room to stay and feed you. I could give you a job in the store too ! One way or another I am confident we'll meet you again before too long.
จะ too long หรือไม่ too long มิอาจคาดได้ ผมรู้แต่ว่า...ยังมีภาระกิจชิ้นสำคัญก่อนปิดฉากสุดท้ายคือ ไปนิวซีแลนด์เพื่อนำเงินลงทุนที่เพื่อนส่งมาร่วมลงทุนร้านอาหารปลาเผาข้างบ้านปงแสนทองไปคืน (พร้อมอีกหนึ่งก้อนที่จะมอบให้เป็นมรดก) ถึงตอนนั้นผมไม่ต้องการตั้งรกรากหรือหาความสุขกับชีวิตต่างแดนแต่อย่างใด ไม่ต้องการทำงานหาเงินและไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น แค่อยากสัมผัสความร้อนจากภูเขาไฟ หรือไม่ก็ความหนาวเย็นของภูเขาน้ำแข็ง...
![]() |
ภาพจาก science-howstuffworks.com - ขอขอบคุณ |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น