ก่อนหน้านี้ช่างเหอะได้ซ่อมเป้ติดตะแกรงหลังให้หายรั่ว รวมทั้งทำ panniers คู่หน้าใส่ให้ทัสซูเฮะเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้ไปนอกจากนั่งมองเจ้าเพื่อนใหม่...ผมก็ต้องทำลิสต์และจัดข้าวของเตรียมไว้ให้พร้อม
ขอบคุณเดชาผู้เข้าใจความคิดของผม แม้จะไม่สนับสนุนแต่เพื่อนศิลปินก็มิได้ตำหนิหรือมีคำถามที่แสดงว่าไม่เห็นด้วย ลุงหยางแห่งแม่ฮ่องสอนก็ประสงค์จะส่ง pannier (กันน้ำ) มาให้ใช้ในการเดินทาง สามปีจากนี้ไปไม่นานเลย นึกแล้วบางครั้งก็ใจหาย คิดว่าถ้าไปแล้วไปลับ ไม่กลับมา ผมก็มีเวลาอีกแค่เพียงพันกว่าราตรี!
คำถาม - ทำไม final trip ต้องเป็นปลายปี ๒๕๖๖?
คำตอบ - ผมต้องรอเงินคืนจากประกันชีวิตที่ทำไว้จำนวน ๓ แสนบาท เพื่อใช้เป็นทุนในการเดินทาง ซึ่งจะครบดิวในปี ๒๕๖๖
คำถาม - อะไรที่จะทำให้ไม่ได้ไปตามแผนที่วางไว้?
คำตอบ - สุขภาพก่อนออกเดินทางไม่อำนวย หรือเส้นทางจนถึงเป้าหมายไม่เคลียร์อย่างที่เป็นทุกวันนี้
คำถาม - ไม่ห่วงผู้ที่ต้องคอยดูแลทุกวันนี้หรือ?
คำตอบ - เมื่อถึงตอนนั้น วันที่ล้อจักรยานทัสซูเฮะพาผมมุ่งหน้าออกจากประเทศไทยได้ ผมจะไม่หันหลังกลับมามอง เหมือนกับในเรื่อง The ballad of Narayama เมื่อลูกชายคนโตผู้แบกแม่วัย ๗๐ไปทิ้งบนยอดเขาถูกกำชับว่าอย่าได้หันหลังกลับไปมอง ถึงอย่างไรก็ต้องตายจากกัน
คำถาม - แล้วจะไม่กลับมาจริง ๆ หรือ?
คำตอบ - ขึ้นอยู่กับร่างกายเมื่อได้ไปถึงจุดหมาย หากยังปกติดีก็จะกลับมา แต่มีสภาพอยู่ไปก็ไร้ค่า ทำอะไรไม่ได้ ต้องเป็นผู้ป่วยติดเตียง คอยเป็นภาระให้ผู้ดูแล ผมก็จะไม่กลับมา
คำถาม - แล้วไม่ห่วงสมบัติที่มีอยู่หรือ?
คำตอบ - ผมจะจัดการสั่งเสียและมอบหมายให้ผู้ที่ยังสามารถรักษามันไว้ให้เป็นประโยชน์ต่อเยาวชนคนรุ่นหลังต่อไปได้ เครื่องดนตรีที่มีผู้เมตตามอบให้มาก็จะส่งคืนไปยังเจ้าของเดิมเพื่อเป็นที่ระลึก อาทิ เปียโนไฟฟ้าจากครูเตี๋ยง, ไวโอลินแฮนด์เมดจากคุณไพสิทธิ์, ฯลฯ
นี่คือปณิธานที่หาญมุ่ง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น