วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

มันมาแน่!

อยากจะบอกว่า "มันมาแน่...แต่ช้าหน่อย"  ผมหมายถึงแผ่นดินไหวครั้งใหญ่และภัยพิบัติในอนาคตอันใกล้นี้นะครับ...




ากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่บริเวณ สปป.ลาว ตั้งแต่วันที่ ๒๐ พ.ย. ๒๕๖๒ เวลา ๒๓.๔๙ น. ซึ่งเกิดขึ้นจำนวน ๑๓ ครั้ง จนถึงเวลา ๐๖.๕๐ น. ของวันที่ ๒๑ พ.ย. ๒๕๖๒ ขนาด ๖.๔ ความลึกประมาณ ๓ กม. ได้รับแจ้งรู้สึกสั่นไหวบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมไปถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล  เช้าวันนี้หนังสือพิมพ์มติชนได้อัพเดทข้อมูลแผ่นดินไหวล่าสุดว่า...
วันที่ ๒๒ พ.ย. ๒๕๖๒ - ศูนย์เฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่าตั้งแต่เวลา ๐๐.๔๙ น. - ๐๗.๕๖ น. เกิดอาฟเตอร์ช็อก ใน สปป.ลาว จำนวน ๒๐ ครั้ง ระดับความรุนแรงระหว่าง ๑.๙ - ๓.๗ จุดศูนย์กลางอยู่ห่างจากบ้านน้ำช้าง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่านระหว่าง ๑๒ - ๓๒ กิโลเมตร
ภาพจาก khaosod.co.th


 ผมเฝ้าติดตามข่าวมาโดยตลอด เกือบทุกวันจะได้ทราบถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวในโลกใบนี้..


รวมทั้งเรื่องการปะทุของภูเขาไฟต่าง ๆ และความร้อนผิดปกติในออสเตรเลีย...



ในรัสเซียเมื่อวันที่ ๒๐ ก็เกิดแผ่นดินไหวระดับ ๖.๓ ความลึก ๒๖๗ กิโลเมตร...



ผมเริ่มต้น countdown แล้วครับ ปีหน้าจะยิ่งหนักกว่านี้ ไม่เชื่อก็คอยดู!

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

เฉียดตาย!

บล็อก countdown คงจะหนีเรื่องความตายไปไม่พ้น!  ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ เป็นอีกวันที่ต้องบันทึกไว้ว่าผมได้เดินผ่านความตายมาได้อีกครั้ง...



ถ้าไม่นับตอนเป็นเด็กน้อยตกน้ำคลองบางกอกน้อยแล้วแม่คว้าขึ้นมาได้ทัน  ความตายก็เข้ามาใกล้ผมหลายครั้งแล้ว ที่ไม่เคยลืมก็เห็นจะเป็นเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาเมื่ออยู่กลางสนามหลวงในขณะที่ทหารระดมยิงมาจากทางถนนราชดำเนิน เห็นผู้หญิงอยู่ใกล้ ๆ คนนึงโดนกระสุนเจาะเข้าที่ท้อง

วันหนึ่งในปี ๒๕๑๕ ไปซ่อมเครื่องฉายรังสีโคบอลต์กับคุณคณะ (หัวหน้าแผนกเครื่องเอ็กซเรย์-ไอโซโทป บริษัทวิทยาคม จำกัด) ที่โรงพยาบาลศิริราช ตะกั่วถ่วงหัวฉายรังสีรูปพระจันทร์เสี้ยวน้ำหนักเป็นตัน ๆ หลุดจากเสาค้ำ แกว่งมาเฉี่ยวซี่โครงผม เสื้อฉีกขาด...

ใช้รถแลนด์ฯ ผมขับตกบ่อปลา และขับชนเสาไฟฟ้า (ลูกหมากหลุด) ทั้งสองครั้งเกือบเอาชีวิตไม่รอด!

ทำงานเล่นเปียโนที่กาดสวนแก้ว เชียงใหม่ มีวันหยุดได้กลับมาเยี่ยมบ้านที่ลำปาง วันรุ่งขึ้นต้องนั่งเมล์เขียวไปเชียงใหม่ ผมเดินไปขึ้นรถที่ห้าแยกประตูชัย ไปถึงช้าหน่อย...พบว่ารถออกไปแล้ว ต้องนั่งรอคันต่อมาอีกเป็นชั่วโมง พอได้เดินทาง ผมนั่งไปจนเกือบถึงยอดดอยขุนตาน เห็นซากรถเมล์เขียวคันที่ผมขึ้นไม่ทันพังยับเยินอยู่ตรงโค้งอันตราย (ทราบทีหลังว่าตายและบาดเจ็บหลายคน) 

รถจักรยานยนต์ล้มเมื่อ ๒-๓ ปีก่อน ผมก็เกือบไม่ต้องมานั่ง countdown แล้ว วันนั้นหัวฟาดพื้นถนนจนหมวกกันน็อคแตกไม่มีชิ้นดี หัวเข่าก็แตก แถมเอ็นข้อเข่าฉีกอีก  อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ เพื่อน ๆ อาจจะเคยดูคลิปคนวิ่งข้ามถนนในขณะฝนตกถนนลื่นแล้วหงายหลัง หัวฟาดพื้น เสียชีวิต ขออนุญาตนำภาพมาลงเพื่อเตือนสติด้วยดังนี้..






เช้าวันที่ ๒๑ ที่ผ่านมา ผมพาแม่จันไปหาหมอที่โรงพยาบาลเซ็นทรัล จังหวัดเชียงใหม่...


ระหว่างรอพบแพทย์ ก็ออกมาอยู่ห่าง ๆ โดยนำเก้าอี้พลาสติกที่ทางโรงพยาบาลเตรียมไว้ให้ออกมานั่ง ผมฆ่าเวลาด้วยการอ่านหนังสือ Anne of Green Gables ที่ได้สั่งซื้อมาทาง e-bay 



อยู่ ๆ ก็มีเสียงลั่นดัง "แค๊ก" ใหญ่ ผมหงายหลังไม่เป็นท่า รู้ตัวอีกทีเมื่อผู้คนเข้ามารุมล้อมช่วยเหลือ พยาบาลรีบเข้ามาพยุงให้ลุกขึ้น หญิงคนหนึ่งเก็บหนังสือมาส่งให้ ได้ยินผู้คนพูดกันว่าเก้าอี้มันไม่แข็งแรง ไม่น่าเอามาให้นั่ง คนนึงบอกว่าผมตัวใหญ่เกินไป มีเสียงคำเมืองพูดว่า "ดีตี้หัวบ่ฟาด"

ผมลูบฝ่ามือทั้งสองข้าง มันเจ็บเพราะใช้ยันกับพื้น ช่วยไม่ให้หัวฟาดกับพื้นคอนกรีต (ถ่ายภาพเก้าอี้ตัวที่ผมนั่งมาให้เพื่อน ๆ ดูด้วย ชี้ให้เห็นขาหักทั้งสองข้าง)


เสียงผู้คนร้องลั่น แม่จันยังคงนั่งเฉยอยู่บนรถเข็น ไม่รู้หรอกว่าอะไรเกิดขึ้นกับผม!

วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

แผ่นดินไหวในฟิลิปปินส์

ทำไมพักนี้แผ่นดินไหวถี่จังเลย? 


แผ่นดินไหวในฟิลิปปินส์ ๒ ครั้งภายในช่วงเวลา ๓ วัน เริ่มจากขนาด ๖.๖ ริกเตอร์ ในมินดาเนา เมื่อวันอังคารที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๒ ทำความเสียหายให้อย่างกว้างขวาง...


ต่อมาอีก ๒ วันก็เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขึ้นอีกที่เกาะมินดาเนาทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ การสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐอเมริการะบุว่ามีขนาด ๖.๕ เกิดขึ้นประมาณ ๒๕ ไมล์ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองดาเวาซึ่งเป็นเมืองหลวงระดับภูมิภาค นั่นคือสัญญาณเตือนที่เริ่มปรากฏถี่ขึ้นเรื่อย ๆ


planetxnews.org คุณ Scott นำภาพท้องฟ้าเปลี่ยนสีมาให้ดู บอกว่าปรากฏการณ์เช่นนี้ไม่เคยพบเห็นมาก่อน...  (ที่มาของภาพ - planetxnews.org)

 
 


จากท้องฟ้าสีน้ำเงินสลับกลายเป็นสีม่อง ชาวบ้านเห็นแล้วร้องลั่น ชี้ให้กันดูจอหนังเหนือหัวที่สลับแสงสีเหมือนกับไฟในดิสโก้เธค!


 




ที่มาของภาพ - planetxnews.org/

น้ำในแม่น้ำโขงก็แห้งจนเกือบจะเดินข้ามได้แล้วเด้อ!!

ภาพจาก pantip.com - ขอขอบคุณ

อย่างนี้แล้วจะไม่ให้เริ่มต้นนับถอยหลังได้อย่างไร?

วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2562

กรุงเทพฯ ปี ๒๕๙๓


สำหรับผมแล้ว "การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (climate change)" รวมถึงเรื่องขั้วโลกย้ายตำแหน่ง (pole shift)  จุดดับบนดวงอาทิตย์-ลมสุริยะ  ภัยพิบัติต่าง ๆ  ฯลฯ  ล้วนเป็นเรื่องที่น่าติดตามอย่างยิ่ง...

ภาพจากอินเทอร์เน็ต

วันก่อนคุณ Scott ผู้ทำเว็บ PlanetX News ได้นำบทความของ  Denise Lu and Christopher Flavelle ซึ่งตีพิมพ์ใน The New York Times  เรื่อง "Rising Seas Will Erase More Cities by 2050" มานำเสนอ เป็นการวิจัยฉบับใหม่ที่ได้อัพเดทข้อมูลจากฉบับเก่า แสดงให้เห็นหายนะอันเกิดจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น (rinsing seas)

อาศัยการวัดระดับความสูงมาตรฐานโดยใช้ดาวเทียมซึ่งได้พัฒนาโดยทำให้ได้ผลแยกแยะระดับพื้นดินที่ถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น จนสรุปในวิจัยฉบับใหม่ว่าประชากรบนบกจำนวน ๑๕๐ ล้านคนจะจมอยู่ใต้น้ำภายในครึ่งศตวรรษนี้ เค้ามีแผนที่แสดงไว้ให้ดูด้วยนะครับ ขออนุญาตนำมาให้เพื่อน ๆ ดูสัก ๒ เมืองใหญ่ ๆ คือ โฮจิมินห์ซิตี้และกรุงเทพฯ ดังนี้...

โฮจิมินห์ซิตี้ ปี 2050

เปรียบเทียบระหว่างการวิจัยครั้งก่อนกับครั้งใหม่ คาดการณ์ว่าภายในปี ค.ศ. 2050 ระดับน้ำที่ท่วมทางตอนใต้ของประเทศเวียดนามจะเป็นเช่นไร กล่าวถึงโฮจิมินห์ซิตี้ว่าแทบจะหายไปจากแผนที่เลยทีเดียว!! ส่วนประเทศไทยนั้นก็ทำนายว่ากรุงเทพฯ และร้อยละ ๑๐ ของประชากรจะถูกน้ำท่วม (to be inundated) ภายในปี พ.ศ. ๒๕๙๓  (กรุณาดูแผนที่ประกอบ)...

กรุงเทพฯ ปี 2050

เชื่อหรือไม่เชื่อ?  เพื่อน ๆ พิจารณาดูเองด้วยใจเปิดกว้างนะครับ สำหรับผมแล้วอีก ๓๐ ปีก็เป็นผีไปแย้ว !  555

วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2562

my new blog

ให้เวลาตัวเองไว้อีกแค่เพียง ๔ ปีที่จะมีชีวิตอยู่ในวัฏจักรแห่งการเปลี่ยนแปลงของโลกใบนี้ ตาแก่เมืองรถม้าสิ้นหวังเสียแล้วที่จะได้เห็นสิ่งที่อยากเห็นในเมืองไทย อันศิวิไลซ์ ไร้ซึ่งความอยุติธรรม และมีประชาธิปไตยเต็มใบ !



ถึงอย่างไรในช่วง ๗ ทศวรรษที่ผ่านมา ผมก็ได้ประสบการณ์ในชีวิตที่ดีมากมาย เป็นเด็กชายที่เกิดมาในครอบครัวคนขายกาแฟธรรมดาหาเช้ากินค่ำ ได้เห็นสยามเมืองยิ้มนับแต่จำความได้ตอนเที่ยวงานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ จากยุคเผด็จการสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เรืองอำนาจ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนถึงวันที่ประเทศไทยมีผู้นำน่าอับอายที่สุดในจักรวาลที่กำลังนำพาประเทศสู่ความถดถอย...

แต่ขณะเดียวกัน ถ้าผมหลับตาและปิดหูเสียข้างนึง ก็ยังคงได้เห็นสิ่งที่สวยสดงดงามอีกไม่น้อย โชคดีเหลือเกินที่ได้เข้าโรงเรียนมงฟอร์ต และวิทยาลัยเทคนิค ทำให้ได้เพื่อนที่เป็นกัลยาณมิตรมากมายหลายคน มิตรภาพอันแสนดีจะชะโลมใจผมไปจนถึงวันตาย แม้โอกาสพบกันอีกจะหาได้ไม่ง่ายนักก็ตาม...

หลังจากปลีกตัวไปติดตามข่าวสารประเทืองปัญญาอาทิเช่น การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (climate change), ประวัติศาสตร์โลก, วิทยาการสมัยใหม่, เศรษฐกิจและสังคม, ฯลฯ  นานพอสมควร ... ผมก็อยากจะสร้างบล็อกขึ้นมาอีก ๑ บล็อก โดยตั้งชื่อมันว่า "COUNTDOWN"

เป็นการนับถอยหลังสู่ความตายอันเป็นสัจจธรรมแห่งชีวิต ว่าด้วยการก้าวเดินสู่จุดหมายสุดท้ายของชีวิต เรื่องภัยพิบัติ และการเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้...

เพื่อน ๆ ที่รักครับ ผมมิได้หวังว่าจะมีผู้อ่านเป็นร้อยเป็นพัน ขอแค่เพียงได้แลกเปลี่ยนความคิดความเห็นกับคนที่เข้าใจในชายแก่ผู้ไร้ยศถาบรรดาศักดิ์ไม่มีบำเหน็จบำนาญ ความรู้น้อย ไม่มีสีเสื้อ แต่เกลียดความอยุติธรรมอย่างเข้าไส้คนนี้ก็พอ!

ชีวิตแสนสั้น... จะเหลืออีกสักกี่วันที่จะได้ยินสำเนียงและเห็นความงดงามที่ยังเหลืออยู่ !   

คิดถึงพี่ดำรง สุ่นกุล

ผ มเพิ่งโพสต์เรื่อง "จากสามเหลือหนึ่ง" ลง บล็อก countdown ได้ไม่นาน... หลายต่อหลายคน จากผมไปแล้ว วันนี้เจอกระดาษซึ่งพี่ " ดำ...