วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2568

โคโดคุชิ (Kodokushi)

าลเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนมิอาจนิ่งดูดาย... ผมต้องเตรียมตัวสำหรับการตายโดยลำพังได้แล้ว!!


ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า...

ไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงวัยโดยสมบูรณ์แล้ว แต่ปัญหาหนึ่งคือมีผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยที่ใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวโดยไม่มีญาติหรือลูกหลานดูแล สัดส่วนของคนแก่ที่อาศัยตามลำพังเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ในปี 2564 มีผู้สูงอายุที่อยู่ตัวคนเดียวถึง1.6 ล้านคน หรือคิดเป็น 12% ของจำนวนผู้อายุทั้งหมด และอีก 21% อยู่ตามลำพังกับคู่สมรส...

ภาพจาก manager online - ขอขอบคุณ

ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน กล่าวใน The Standard ว่า

ตอนนี้ญี่ปุ่นกำลังเจอปรากฎการณ์โคโดคุชิ (Kodokushi) คือตายอย่างโดดเดี่ยวมากขึ้น จากเหตุผลของสังคมและประชากรของญี่ปุ่นที่อยู่ในภาวะสังคมผู้สูงอายุ ทำให้การตายอย่างโดดเดี่ยวในบ้านหรือที่พักอาศัยมีจำนวนที่เยอะขึ้น ในญี่ปุ่นมีผู้สูงอายุ 6 หมื่นกว่ารายเสียชีวิตโดยลำพังในปี 2024 ที่ผ่านมา...
ภาพ capture จากคลิป "ตายโดดเดี่ยว ฉากต่อไปของสังคมไทย" โดย The Standard - ขอขอบคุณ

ภาพ capture จากคลิป "ตายโดดเดี่ยว ฉากต่อไปของสังคมไทย" โดย The Standard - ขอขอบคุณ

ภาพ capture จากคลิป "ตายโดดเดี่ยว ฉากต่อไปของสังคมไทย" โดย The Standard - ขอขอบคุณ

ภาพ capture จากคลิป "ตายโดดเดี่ยว ฉากต่อไปของสังคมไทย" โดย The Standard - ขอขอบคุณ

ด้วยความชื่นชม...ผมเคยเห็นรอยสักบนแขนของชายใจดีคนหนึ่งมีใจความว่า "ผู้อุทิศร่างกายเพื่อการศึกษาและวิจัยให้แก่คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่......"  
 
 
ทีแรกก็อยากจะสักตาม (แถมยังจะเพิ่มคำว่า No CPR บนแผ่นอก) แต่คิด ๆ ดูแล้วว่าอายุของผมมากแล้ว ใกล้เวลาที่จะนำร่างกายของผมไปใช้ หากไม่ได้ตายด้วยอุบัติเหตุ การตายโดดเดี่ยวซึ่งร่างกายยังสภาพดีก็จะสามารถเอาไปศึกษาได้อย่างสมบูรณ์ ผมจึงเลิกล้มความคิดที่จะสัก แต่จะเตรียมตัวใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ติดดิน ไม่ขึ้นที่สูง ไม่เสี่ยง ซึ่งถ้าจะให้ดีแล้วควรต้องย้ายจากอาคารพาณิชย์ที่อยู่ในปัจจุบัน ไปหาที่อยู่ใหม่ในบ้านชั้นเดียว ไม่ต้องขึ้นบันได อยู่ติดดินและไม่ต้องเดินบนพื้นคอนกรีตลื่น ๆ เรื่องนี้คงต้องหาทางขยับขยายภายในปีนี้ เพื่อรองรับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นด้วย
 
ถ้าถามว่าแล้วยังอยากจะปั่นจักรยานท่องโลกอยู่มั้ย? คำตอบคือ "หากเป็นไปได้ ผมก็จะทำตามที่ฝันไว้กับสหัสเดช" แต่จะไม่ผิดหวังและเสียใจหากไม่ได้ทำ...
 
 
ทุกครั้งที่เดินทางกับเจ้า Banian จักรยานพับล้อ 20 นิ้ว ก่อนจะกดปุ่มสวิชเพื่อเปิดประตูรถดีเซลรางลงไปยังชานชาลาสถานีรถไฟ ผมรู้ว่าประตูกำลังจะเปิดให้ก้าวไปสู่จุดหมายปลายทางที่รออยู่ข้างหน้า เวลามีไม่มากนักแล้ว จะเหลืออีกสักกี่ครั้งที่ตาแก่คนนี้จะมีโอกาสได้เอื้อมมือไปกดสวิชเปิดประตู...


ไม่กลัวอะไรทั้งนั้นครับตอนนี้ สงบ...และพร้อมเสมอสำหรับโคโดคุชิ (Kodokushi)

วันอังคารที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2567

คิดถึงพี่ดำรง สุ่นกุล

มเพิ่งโพสต์เรื่อง "จากสามเหลือหนึ่ง" ลงบล็อก countdown ได้ไม่นาน...

หลายต่อหลายคนจากผมไปแล้ว วันนี้เจอกระดาษซึ่งพี่ "ดำรง สุ่นกุล" เขียนส่งให้เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 และช่วยสนับสนุนให้ผมเดินทางแบกเป้ท่องเที่ยว...
 

ผมได้รู้จักพี่ดำรงทาง social media นานมาแล้ว เคยเห็นหน้าตัวเป็น ๆ ครั้งหนึ่งตอนที่พี่เค้าไปเชียงใหม่แล้วผ่านมาทางห้างฉัตร ครบรอบวันเกิดของท่านเมื่อปี 2564 ผมก็ยังโพสต์ลงใน Facebook ของท่าน...
 
 
พี่ดำรงเป็นผู้อาวุโสที่มีความรู้ มีฐานะและจิตใจที่เมตตา ผมเคยปั่นจักรยานไปหาที่บ้านท่าน ซึ่งอยู่ในเขตสายไหมเมื่อปี 2560 (FB Trip ไปลาวใต้)...


วันนั้นได้ไปถึงหน้าบ้านแล้ว แต่โชคไม่ดีที่พี่เค้าไม่อยู่ (ออกไปโรงพยาบาล)...


 
 
หลังจากนั้นไม่นาน...พี่ดำรงก็จากโลกใบนี้ไป ผมยังคงรำลึกถึงเสมอ ท่านจะอยู่ในความทรงจำตลอดไปจนกว่าผมจะหยุดหายใจ Facebook Damrong Soonkol ยังคงปรากฏอยู่ใน cyber world แม้ร่างกายของเจ้าของจะสูญสลายไปแล้วก็ตาม ผมขออนุญาตนำภาพพี่ดำรงมาโพสต์ไว้ 2-3 บาน...
 

 



อยากบอกพี่ดำรงว่าคิดถึงนะครับ!

วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

จากสามเหลือหนึ่ง

 

ช้าวันนี้ตาแก่บ้านห้างฉัตรค้นเจอเบอร์โทรศัพท์ที่ทำให้สามารถติดต่อสอบถามถึงพระพี่ชาย "ท่านเจ้าคุณศรีปริยัติโกศล" ซึ่งอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี...

ภาพบรรพบุรุษ

สามพี่น้องจากพ่อประเสริฐก็มีอยู่แค่นี้แหละ... 

ข่าวที่ได้รับทราบคือท่านเจ้าคุณได้มรณภาพไปแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2 ปีก่อน ผมรู้สึกเสียใจที่ก่อนนี้ตั้งใจว่าจะเดินทางไปเยี่ยมท่านที่สุพรรณบุรี แต่สถานการณ์ยังไม่อำนวย...ได้แต่ผัดผ่อนเรื่อยมา เมื่อพี่ประสิทธิ์เสียชีวิต น้องชายก็คิดว่าจะต้องเดินทางไปสุพรรณบุรีเพื่อเยี่ยมพระพี่ชายและรายงานให้ทราบ แต่ทว่า...ไม่ทันเสียแล้ว! ใบไม้ใบแรกได้ร่วงหล่นลงสู่พื้นกลายเป็นธุลีดินไปก่อนหน้านั้นแล้ว....



หยิบรูปเก่า ๆ ออกมาดู ด้วยรู้ตัวดีว่าเหลืออยู่ตัวคนเดียวแล้ว...

สัญญาณเสียงนับถอยหลังดังอยู่ทุกขณะจิต...ชีวิตผมก้าวย่างสู่ปัจฉิมบทแล้วจริง ๆ

วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

Hermit's Sanctuary

"อนิจฺจา วต สงฺขารา  สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ"  ผมก็คิดถึงสังขารธรรมข้อนี้อยู่เสมอ แต่ไม่คิดเลยว่า "Deja" หรือ "เดช" เพื่อนศิลปินซึ่งมีอายุน้อยกว่าผมแค่ 2 ปีจะจากไปอย่างกะทันหันเมื่อปลายปีที่แล้ว


 
หลังจากที่พี่สิทธิ์จากไป ก็ไม่ได้จัดเก็บหรือเปลี่ยนแปลงข้าวของในห้องของเขา ยังคงปล่อยทิ้งไว้เหมือนเดิม เวลาเดินผ่านไปมาผมก็มักจะคิดถึงและพูดเบา ๆ กับพี่เค้า วันก่อนนำรูปภาพเก่า ๆ ออกมาดู เห็นแล้วก็อดคิดถึงไม่ได้ ชีวิตจริงแท้ไม่แน่นอน...ผมปฏิเสธไม่ได้!


 
 
 
ขณะเดินทางไกล...ผมมักมีหนังสือ "คู่มือมนุษย์" ติดเป้ไปด้วย ว่างจากกิจกรรมใด ๆ ผมก็จะหยิบขึ้นมาอ่าน
 

 
"เท่านี้หรือคือ....ชีวิต" สิ้นลมแล้ว...ร่างของเดชถูกนำไปยังคณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลมหาราช เชียงใหม่ โดยมิได้มีพิธีการใด ๆ เช่นเดียวกับพี่ชายของผม เขาได้เป็นอาจารย์ใหญ่สมใจตามที่เราได้คุยกันเมื่อพบกันครั้งสุดท้ายที่บ้านห้างฉัตร 

เดชมาเยี่ยมที่บ้านปงแสนทอง

ครั้งสุดท้ายที่เดชมาหาที่บ้านห้างฉัตร...

พาเพื่อนแวะมาดูผลงานภาพวาดซึ่งติดไว้ที่ร้านเปียโน...


 
รูปต้นไม้เดี่ยวหลังบ้านห้างฉัตร คือผลงานสุดท้ายที่เดชฝากไว้... 



เดชจากไปแล้วเกือบปี ผมเพิ่งจะมีโอกาสไปเยือนบ้านที่เดชเคยอยู่...
 


 
เป็นคน introvert...เขาเรียกบ้านตัวเองว่า "Hermit's Sanctuary"
 

 

 
บ้านศิลปินยังคงสภาพเดิม แม้ว่าเจ้าตัวจะจากไปแล้ว... 





 
 
หลังบ้านที่เราเคยได้นั่งคุยกันดูรกร้าง...เมื่อปราศจากฤาษีผู้ดูแล


ไม่มีนกมาเยือน เมื่อไม่มีกล้วยสุกมาแขวนไว้...

 
พี่สาวของเดชบอกว่าน้ำท่วมทำให้อัลบั้มภาพของเดชเปียกหมด ผมขออนุญาตกดชัตเตอร์เก็บรูปสมัยที่เดชรับปริญญาที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เอาไว้


“We learn from history that we do not learn from history.” - Georg Hegel

โคโดคุชิ (Kodokushi)

ก าลเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนมิอาจนิ่งดูดาย... ผมต้องเตรียมตัวสำหรับการตายโดยลำพังได้แล้ว!! ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า... ไทยได้เข้าสู่สังคม...