วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2562

กรุงเทพฯ ปี ๒๕๙๓


สำหรับผมแล้ว "การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (climate change)" รวมถึงเรื่องขั้วโลกย้ายตำแหน่ง (pole shift)  จุดดับบนดวงอาทิตย์-ลมสุริยะ  ภัยพิบัติต่าง ๆ  ฯลฯ  ล้วนเป็นเรื่องที่น่าติดตามอย่างยิ่ง...

ภาพจากอินเทอร์เน็ต

วันก่อนคุณ Scott ผู้ทำเว็บ PlanetX News ได้นำบทความของ  Denise Lu and Christopher Flavelle ซึ่งตีพิมพ์ใน The New York Times  เรื่อง "Rising Seas Will Erase More Cities by 2050" มานำเสนอ เป็นการวิจัยฉบับใหม่ที่ได้อัพเดทข้อมูลจากฉบับเก่า แสดงให้เห็นหายนะอันเกิดจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น (rinsing seas)

อาศัยการวัดระดับความสูงมาตรฐานโดยใช้ดาวเทียมซึ่งได้พัฒนาโดยทำให้ได้ผลแยกแยะระดับพื้นดินที่ถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น จนสรุปในวิจัยฉบับใหม่ว่าประชากรบนบกจำนวน ๑๕๐ ล้านคนจะจมอยู่ใต้น้ำภายในครึ่งศตวรรษนี้ เค้ามีแผนที่แสดงไว้ให้ดูด้วยนะครับ ขออนุญาตนำมาให้เพื่อน ๆ ดูสัก ๒ เมืองใหญ่ ๆ คือ โฮจิมินห์ซิตี้และกรุงเทพฯ ดังนี้...

โฮจิมินห์ซิตี้ ปี 2050

เปรียบเทียบระหว่างการวิจัยครั้งก่อนกับครั้งใหม่ คาดการณ์ว่าภายในปี ค.ศ. 2050 ระดับน้ำที่ท่วมทางตอนใต้ของประเทศเวียดนามจะเป็นเช่นไร กล่าวถึงโฮจิมินห์ซิตี้ว่าแทบจะหายไปจากแผนที่เลยทีเดียว!! ส่วนประเทศไทยนั้นก็ทำนายว่ากรุงเทพฯ และร้อยละ ๑๐ ของประชากรจะถูกน้ำท่วม (to be inundated) ภายในปี พ.ศ. ๒๕๙๓  (กรุณาดูแผนที่ประกอบ)...

กรุงเทพฯ ปี 2050

เชื่อหรือไม่เชื่อ?  เพื่อน ๆ พิจารณาดูเองด้วยใจเปิดกว้างนะครับ สำหรับผมแล้วอีก ๓๐ ปีก็เป็นผีไปแย้ว !  555

วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2562

my new blog

ให้เวลาตัวเองไว้อีกแค่เพียง ๔ ปีที่จะมีชีวิตอยู่ในวัฏจักรแห่งการเปลี่ยนแปลงของโลกใบนี้ ตาแก่เมืองรถม้าสิ้นหวังเสียแล้วที่จะได้เห็นสิ่งที่อยากเห็นในเมืองไทย อันศิวิไลซ์ ไร้ซึ่งความอยุติธรรม และมีประชาธิปไตยเต็มใบ !



ถึงอย่างไรในช่วง ๗ ทศวรรษที่ผ่านมา ผมก็ได้ประสบการณ์ในชีวิตที่ดีมากมาย เป็นเด็กชายที่เกิดมาในครอบครัวคนขายกาแฟธรรมดาหาเช้ากินค่ำ ได้เห็นสยามเมืองยิ้มนับแต่จำความได้ตอนเที่ยวงานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ จากยุคเผด็จการสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เรืองอำนาจ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนถึงวันที่ประเทศไทยมีผู้นำน่าอับอายที่สุดในจักรวาลที่กำลังนำพาประเทศสู่ความถดถอย...

แต่ขณะเดียวกัน ถ้าผมหลับตาและปิดหูเสียข้างนึง ก็ยังคงได้เห็นสิ่งที่สวยสดงดงามอีกไม่น้อย โชคดีเหลือเกินที่ได้เข้าโรงเรียนมงฟอร์ต และวิทยาลัยเทคนิค ทำให้ได้เพื่อนที่เป็นกัลยาณมิตรมากมายหลายคน มิตรภาพอันแสนดีจะชะโลมใจผมไปจนถึงวันตาย แม้โอกาสพบกันอีกจะหาได้ไม่ง่ายนักก็ตาม...

หลังจากปลีกตัวไปติดตามข่าวสารประเทืองปัญญาอาทิเช่น การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (climate change), ประวัติศาสตร์โลก, วิทยาการสมัยใหม่, เศรษฐกิจและสังคม, ฯลฯ  นานพอสมควร ... ผมก็อยากจะสร้างบล็อกขึ้นมาอีก ๑ บล็อก โดยตั้งชื่อมันว่า "COUNTDOWN"

เป็นการนับถอยหลังสู่ความตายอันเป็นสัจจธรรมแห่งชีวิต ว่าด้วยการก้าวเดินสู่จุดหมายสุดท้ายของชีวิต เรื่องภัยพิบัติ และการเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้...

เพื่อน ๆ ที่รักครับ ผมมิได้หวังว่าจะมีผู้อ่านเป็นร้อยเป็นพัน ขอแค่เพียงได้แลกเปลี่ยนความคิดความเห็นกับคนที่เข้าใจในชายแก่ผู้ไร้ยศถาบรรดาศักดิ์ไม่มีบำเหน็จบำนาญ ความรู้น้อย ไม่มีสีเสื้อ แต่เกลียดความอยุติธรรมอย่างเข้าไส้คนนี้ก็พอ!

ชีวิตแสนสั้น... จะเหลืออีกสักกี่วันที่จะได้ยินสำเนียงและเห็นความงดงามที่ยังเหลืออยู่ !   

คิดถึงพี่ดำรง สุ่นกุล

ผ มเพิ่งโพสต์เรื่อง "จากสามเหลือหนึ่ง" ลง บล็อก countdown ได้ไม่นาน... หลายต่อหลายคน จากผมไปแล้ว วันนี้เจอกระดาษซึ่งพี่ " ดำ...